การเลือกบริการ คำถามที่พบบ่อย รับกำจัดปลวก

ปลวกเป็นหนึ่งในศัตรูพืชที่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและอาคารอย่างร้ายแรง หากไม่มีการควบคุมหรือกำจัดอย่างเหมาะสม โครงสร้างไม้ในบ้านอาจได้รับความเสียหายจนต้องซ่อมแซมครั้งใหญ่ ดังนั้น การเลือกบริการกำจัดปลวกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเจ้าของบ้านและผู้ดูแลอาคาร

เมื่อคุณต้องการใช้บริการกำจัดปลวก คำถามหลายข้ออาจเกิดขึ้น เช่น วิธีการกำจัดมีแบบใดบ้าง ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร และควรเลือกบริษัทกำจัดปลวกแบบไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด บทความนี้จะรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้บริการกำจัดปลวก พร้อมคำตอบที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

1. ทำไมต้องกำจัดปลวกโดยผู้เชี่ยวชาญ

ปลวกเป็นปัญหาสำคัญที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับบ้าน อาคาร และโครงสร้างไม้ หากปล่อยไว้โดยไม่จัดการ ปลวกสามารถกัดกินไม้และวัสดุที่มีเซลลูโลสเป็นส่วนประกอบจนทำให้โครงสร้างอ่อนแอและอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงมาก

แม้ว่าหลายคนอาจพยายามกำจัดปลวกด้วยตนเองโดยใช้สารเคมีหรือวิธีการทั่วไปที่หาซื้อได้ในตลาด แต่บ่อยครั้งวิธีเหล่านั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์และปลวกก็กลับมาอีก ดังนั้น การใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดปลวกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

1. ผู้เชี่ยวชาญมีความรู้และประสบการณ์

การกำจัดปลวกไม่ใช่แค่การฉีดพ่นสารเคมีเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของปลวก ชนิดของปลวก และวิธีการกำจัดที่เหมาะสม

  • ปลวกมีหลายประเภท เช่น ปลวกใต้ดิน ปลวกไม้แห้ง และปลวกไม้เปียก แต่ละชนิดมีพฤติกรรมและแหล่งที่อยู่อาศัยแตกต่างกัน

  • ผู้เชี่ยวชาญสามารถระบุชนิดของปลวกได้อย่างแม่นยำและเลือกใช้วิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

  • หากใช้วิธีการกำจัดที่ไม่ถูกต้อง ปลวกอาจไม่หมดไปทั้งหมดและกลับมาแพร่พันธุ์ได้อีก

ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจะสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้องและเลือกวิธีการกำจัดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของบ้านหรืออาคารของคุณ

2. วิธีการกำจัดที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

บริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพใช้เทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองและมีประสิทธิภาพสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ขายทั่วไปในท้องตลาด

2.1 การใช้สารเคมีที่เหมาะสม

ผู้เชี่ยวชาญรู้ว่าสารเคมีแต่ละประเภทเหมาะสำหรับกำจัดปลวกในลักษณะใด และสามารถเลือกใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยง

2.2 ระบบเหยื่อกำจัดปลวก

วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถกำจัดปลวกถึงรังได้โดยใช้สารออกฤทธิ์ที่ปลวกนำกลับไปแพร่สู่ปลวกตัวอื่น ทำให้ปลวกถูกทำลายไปทั้งอาณานิคม

2.3 การป้องกันปลวกในระยะยาว

นอกจากการกำจัดปลวกที่มีอยู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันปลวกในอนาคต เช่น การใช้สารป้องกันปลวกในดิน หรือการติดตั้งระบบป้องกันปลวกใต้พื้นบ้าน

3. ความปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อม

การใช้สารเคมีในการกำจัดปลวกต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะสารบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง หากใช้ผิดวิธีอาจเกิดปัญหาด้านสุขภาพ เช่น การระคายเคือง ระบบทางเดินหายใจ หรือสารพิษสะสมในร่างกาย

ผู้เชี่ยวชาญจะใช้สารเคมีที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิชาการเกษตร หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นอกจากนี้ ยังมีมาตรการความปลอดภัยในการใช้สารเคมี เช่น การกำหนดปริมาณที่เหมาะสมและการแจ้งข้อควรปฏิบัติหลังจากการฉีดพ่น

4. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

หลายคนคิดว่าการซื้อผลิตภัณฑ์กำจัดปลวกมาใช้เองเป็นทางเลือกที่ถูกกว่า แต่ในความเป็นจริง หากกำจัดปลวกไม่หมดไป ปัญหาจะลุกลามมากขึ้นและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายจากปลวก

  • หากปลวกทำลายโครงสร้างบ้าน อาจต้องเสียเงินซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก

  • การกำจัดปลวกโดยผู้เชี่ยวชาญอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อสารเคมีมาใช้เองในช่วงแรก แต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านในระยะยาว

  • บริการจากมืออาชีพมักมีการรับประกัน หากปลวกกลับมาในระยะเวลาที่กำหนด บริษัทจะมากำจัดให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

5. การสำรวจและวางแผนกำจัดปลวกอย่างเป็นระบบ

ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มต้นด้วยการสำรวจพื้นที่บ้านหรืออาคารอย่างละเอียดเพื่อหาต้นตอของปัญหา จากนั้นจะวางแผนการกำจัดที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึง

  • การใช้เครื่องมือตรวจหาปลวกที่ซ่อนตัวอยู่ เช่น เครื่องตรวจจับความร้อน

  • การกำหนดจุดที่ต้องฉีดพ่นสารเคมีหรือวางเหยื่อ

  • การแนะนำมาตรการป้องกันปลวกเพิ่มเติม

การวางแผนอย่างเป็นระบบช่วยให้การกำจัดปลวกมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดโอกาสที่ปลวกจะกลับมาอีก

6. มีบริการรับประกันผลลัพธ์

บริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพมักมีบริการรับประกันผล หากปลวกกลับมาภายในระยะเวลาที่กำหนด พวกเขาจะเข้ามากำจัดให้ใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นี่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่คุณจะไม่ได้รับหากเลือกกำจัดปลวกด้วยตนเอง

2. วิธีการกำจัดปลวกมีแบบใดบ้าง

ปลวกเป็นปัญหาใหญ่สำหรับบ้านและอาคารที่ใช้ไม้เป็นโครงสร้างหลัก เพราะพวกมันสามารถทำลายพื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีการกำจัดอย่างเหมาะสม ปลวกสามารถแพร่กระจายไปทั่วทั้งบ้านและสร้างความเสียหายที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมหาศาลในการซ่อมแซม

1. การใช้สารเคมีกำจัดปลวก (Chemical Treatment)

การใช้สารเคมีเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลรวดเร็ว โดยมีการใช้สารเคมีประเภทต่างๆ เพื่อกำจัดปลวกและป้องกันการกลับมาอีก

1.1 การฉีดพ่นสารเคมี (Liquid Termiticide Treatment)

  • เป็นการฉีดพ่นสารเคมีลงดินรอบๆ อาคาร หรือบริเวณที่พบปลวก

  • สารเคมีจะสร้างแนวป้องกันรอบบ้าน ทำให้ปลวกไม่สามารถเข้ามาได้

  • เหมาะสำหรับป้องกันปลวกใต้ดินและปลวกที่ยังไม่แพร่กระจายมากนัก

  • ต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าการฉีดพ่นครอบคลุมทุกจุดที่ปลวกอาศัยอยู่

1.2 การอัดสารเคมีลงดิน (Soil Treatment)

  • ใช้วิธีการเจาะพื้นและอัดสารเคมีลงไปใต้ดินเพื่อสร้างแนวป้องกันปลวก

  • นิยมใช้ในบ้านที่กำลังก่อสร้างเพื่อป้องกันปลวกตั้งแต่ต้น

  • มีอายุการป้องกันยาวนาน แต่ต้องเติมสารเคมีเป็นระยะ

1.3 การใช้สารเคมีแบบออกฤทธิ์ช้า (Non-Repellent Termiticide)

  • เป็นสารเคมีที่ปลวกไม่สามารถตรวจจับได้ ทำให้ปลวกสัมผัสสารโดยไม่รู้ตัว

  • เมื่อปลวกตัวหนึ่งติดสาร มันจะนำสารกลับไปแพร่กระจายให้ปลวกตัวอื่นๆ ในรัง

  • สามารถกำจัดปลวกได้ทั้งรัง โดยไม่ต้องขุดรังออกมา

2. การใช้ระบบเหยื่อกำจัดปลวก (Baiting System)

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรงและมีประสิทธิภาพในการกำจัดปลวกถึงรัง

2.1 วิธีการทำงานของระบบเหยื่อ

  • ติดตั้งเหยื่อปลวกในบริเวณที่คาดว่าปลวกจะเดินผ่าน

  • เหยื่อเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการลอกคราบของปลวก เมื่อปลวกกินเข้าไปจะไม่สามารถเจริญเติบโตต่อได้

  • ปลวกที่กินเหยื่อจะนำสารนี้กลับไปแบ่งปันกับปลวกตัวอื่นในรัง

  • ทำให้ปลวกในรังตายไปทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นสารเคมีรอบบ้าน

2.2 ข้อดีของระบบเหยื่อ

  • ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง

  • สามารถกำจัดปลวกได้ทั้งอาณานิคม

  • เหมาะสำหรับบ้านที่มีปลวกจำนวนมากและไม่ต้องการใช้สารเคมีฉีดพ่น

2.3 ข้อเสียของระบบเหยื่อ

  • ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าปลวกทั้งรังจะตายหมด

  • ต้องมีการตรวจสอบเหยื่อเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าปลวกยังคงกินเหยื่ออยู่

3. การกำจัดปลวกด้วยวิธีกายภาพ (Physical Methods)

วิธีนี้เป็นการใช้เทคนิคทางกายภาพเพื่อกำจัดปลวกโดยไม่ต้องใช้สารเคมี

3.1 การใช้ความร้อน (Heat Treatment)

  • ใช้เครื่องสร้างความร้อนทำให้อุณหภูมิในบริเวณที่มีปลวกสูงขึ้นจนปลวกตาย

  • เหมาะสำหรับใช้ในเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือพื้นที่ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้

  • ไม่มีสารเคมีตกค้าง แต่ต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันความเสียหายต่อวัสดุในบ้าน

3.2 การใช้ความเย็น (Cold Treatment)

  • ใช้ก๊าซไนโตรเจนเหลวฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีปลวกเพื่อทำให้ปลวกตายจากความเย็นจัด

  • ปลอดภัยและไม่มีสารตกค้าง

  • ใช้ได้ดีในเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือพื้นที่จำกัด แต่ไม่เหมาะกับการกำจัดปลวกทั้งรัง

3.3 การกำจัดปลวกด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Treatment)

  • ใช้คลื่นไมโครเวฟเพื่อทำลายปลวกที่ซ่อนตัวอยู่ในไม้

  • ไม่มีสารเคมีตกค้างและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

  • อาจทำให้เนื้อไม้เสียหายหากใช้กำลังคลื่นสูงเกินไป

4. การป้องกันปลวก (Preventive Methods)

นอกจากการกำจัดปลวกที่มีอยู่แล้ว การป้องกันไม่ให้ปลวกเข้ามาในบ้านเป็นสิ่งสำคัญ

4.1 การใช้สารป้องกันปลวกในระหว่างก่อสร้าง

  • ฉีดพ่นสารเคมีลงดินก่อนสร้างบ้านเพื่อป้องกันปลวกใต้ดิน

  • ติดตั้งแผ่นกันปลวกใต้พื้นบ้าน

4.2 การออกแบบบ้านให้ป้องกันปลวก

  • ใช้วัสดุที่ปลวกไม่สามารถกินได้ เช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้สังเคราะห์ หรือเหล็ก

  • ออกแบบระบบระบายน้ำที่ดีเพื่อลดความชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปลวกเจริญเติบโต

4.3 การดูแลรักษาบ้านให้ปลอดปลวก

  • หมั่นตรวจสอบไม้ในบ้านว่าเริ่มมีร่องรอยของปลวกหรือไม่

  • ลดความชื้นในบ้าน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นไม้

  • กำจัดเศษไม้หรือวัสดุที่ปลวกสามารถใช้เป็นอาหาร

สรุป การกำจัดปลวกมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของบ้านและระดับความรุนแรงของปัญหา

  • หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและป้องกันปลวกในระยะยาว การใช้สารเคมีเป็นทางเลือกที่ดี

  • หากต้องการกำจัดปลวกแบบปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมีรุนแรง ระบบเหยื่อกำจัดปลวกเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

  • หากต้องการใช้วิธีที่ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง การใช้ความร้อนหรือความเย็นอาจเป็นตัวเลือกที่ดี

  • การป้องกันปลวกเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่ไปกับการกำจัด เพื่อให้บ้านปลอดภัยจากปลวกในระยะยาว

3. ค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกเป็นอย่างไร

ปลวกเป็นศัตรูตัวร้ายที่สามารถทำให้โครงสร้างบ้านหรืออาคารเสียหายได้หากไม่ได้รับการควบคุมและกำจัดอย่างเหมาะสม เมื่อต้องการใช้บริการกำจัดปลวก หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกอยู่ที่เท่าไร”

คำตอบของคำถามนี้ไม่สามารถกำหนดเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาค่าบริการ เช่น ขนาดของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ระดับความรุนแรงของการระบาด วิธีการกำจัดปลวกที่ใช้ และผู้ให้บริการที่เลือกใช้

1. ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวก

1.1 ขนาดพื้นที่ที่ต้องกำจัด

ค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกมักถูกคำนวณจากพื้นที่เป็นตารางเมตรหรือขนาดของอาคาร หากบ้านหรืออาคารมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

  • บ้านขนาดเล็กหรือห้องชุด: ค่าใช้จ่ายมักจะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด

  • บ้านเดี่ยวหรืออาคารพาณิชย์ขนาดกลาง: ต้องใช้สารเคมีหรือเหยื่อในปริมาณมากขึ้น จึงทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

  • อาคารขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรือโกดังสินค้า: อาจต้องใช้ระบบกำจัดปลวกหลายรูปแบบควบคู่กัน ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

1.2 ระดับความรุนแรงของปัญหา

หากพบปลวกในระยะเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายอาจต่ำกว่าการกำจัดปลวกที่แพร่กระจายไปทั่วโครงสร้างแล้ว

  • การป้องกันหรือกำจัดปลวกในระยะเริ่มต้น: ใช้งบประมาณน้อยกว่า เพราะไม่ต้องใช้วิธีที่ซับซ้อน

  • ปลวกแพร่กระจายทั่วบ้าน: ต้องใช้เทคนิคหลายอย่างในการกำจัด อาจต้องฉีดพ่นสารเคมีหลายครั้งหรือใช้ระบบเหยื่อ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

  • ปลวกสร้างความเสียหายรุนแรง: อาจต้องมีการซ่อมแซมโครงสร้างเพิ่มเติม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มากกว่าค่ากำจัดปลวกเอง

1.3 วิธีการกำจัดปลวกที่ใช้

วิธีการกำจัดปลวกที่เลือกใช้มีผลอย่างมากต่อราคาค่าบริการ โดยแต่ละวิธีมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป

  • การฉีดพ่นสารเคมี: ราคาไม่สูงมาก เหมาะสำหรับการกำจัดปลวกในระยะเริ่มต้น

  • ระบบเหยื่อกำจัดปลวก: มีราคาสูงกว่าการฉีดพ่นสารเคมี แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า

  • การใช้สารป้องกันปลวกในระยะยาว: อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการบำรุงรักษาและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

1.4 ประเภทของปลวกที่ต้องกำจัด

ปลวกแต่ละชนิดต้องใช้วิธีการกำจัดที่แตกต่างกัน เช่น

  • ปลวกไม้แห้ง: อาศัยอยู่ในเฟอร์นิเจอร์หรือไม้แห้ง ต้องใช้วิธีฉีดพ่นสารเคมีเฉพาะทาง

  • ปลวกใต้ดิน: สร้างอาณานิคมขนาดใหญ่ ต้องใช้ระบบเหยื่อกำจัดปลวกหรือฉีดพ่นสารเคมีรอบบ้าน

  • ปลวกไม้เปียก: มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง ต้องใช้วิธีควบคุมความชื้นร่วมกับการกำจัดปลวก

1.5 ผู้ให้บริการที่เลือกใช้

บริษัทกำจัดปลวกแต่ละแห่งมีโครงสร้างราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ชื่อเสียง และเทคโนโลยีที่ใช้

  • บริษัทขนาดเล็ก: อาจมีราคาถูกกว่าแต่ขาดการรับประกันผล

  • บริษัทที่มีมาตรฐาน: อาจมีราคาสูงกว่าแต่ให้บริการที่ครอบคลุมและมีการรับประกัน

2. ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของแต่ละวิธีการกำจัดปลวก

ค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือกใช้ โดยสามารถประมาณการได้ดังนี้

2.1 การฉีดพ่นสารเคมี

  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 3,000 – 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่

  • เหมาะสำหรับ: การกำจัดปลวกในระยะเริ่มต้นหรือใช้เป็นการป้องกัน

2.2 ระบบเหยื่อกำจัดปลวก

  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 10,000 – 30,000 บาท หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ต้องติดตามผล

  • เหมาะสำหรับ: การกำจัดปลวกใต้ดินหรืออาณานิคมขนาดใหญ่

2.3 การวางสารป้องกันปลวกในระหว่างการก่อสร้าง

  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 15,000 – 50,000 บาท สำหรับบ้านใหม่

  • เหมาะสำหรับ: การป้องกันปลวกในระยะยาว

2.4 การรมควันเพื่อกำจัดปลวกไม้แห้ง

  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 10,000 – 40,000 บาท

  • เหมาะสำหรับ: กรณีที่ปลวกอยู่ในเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นที่ปิด

3. วิธีลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวก

3.1 ตรวจสอบปลวกเป็นประจำ

หากพบปัญหาเร็ว การกำจัดปลวกจะง่ายขึ้นและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการปล่อยให้ปลวกแพร่กระจาย

3.2 เลือกแพ็กเกจป้องกันปลวกระยะยาว

บางบริษัทมีแพ็กเกจป้องกันปลวกระยะยาว ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินกำจัดปลวกทีละรอบ

3.3 เปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัท

ควรสอบถามราคาจากบริษัทกำจัดปลวกหลายแห่งเพื่อเลือกบริการที่เหมาะสมกับงบประมาณ

3.4 ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้าน

  • ลดความชื้นในบ้านเพื่อลดโอกาสที่ปลวกจะเข้ามา

  • ตรวจสอบไม้และเฟอร์นิเจอร์อยู่เสมอ

สรุป ค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดพื้นที่ ระดับการระบาด วิธีการกำจัด และผู้ให้บริการที่เลือกใช้ โดยทั่วไป ราคาค่าบริการอาจอยู่ระหว่าง 3,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือกใช้ การเปรียบเทียบราคาและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณได้ดียิ่งขึ้น สุดท้ายนี้ การป้องกันปลวกตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการลดค่าใช้จ่ายระยะยาว ควรตรวจสอบบ้านเป็นประจำและเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตรฐานและการรับประกันเพื่อให้การกำจัดปลวกมีประสิทธิภาพสูงสุด

4. ควรเลือกบริษัทกำจัดปลวกอย่างไร

การเลือกบริษัทกำจัดปลวกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเลือกไม่ดี อาจได้บริการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปลวกกลับมาอีกและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับบริการที่ดี ปลอดภัย และคุ้มค่า

1. ตรวจสอบใบอนุญาตและมาตรฐานของบริษัท

บริษัทกำจัดปลวกที่ได้มาตรฐานควรมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น

  • กรมวิชาการเกษตร – เพื่อรับรองว่าสารเคมีที่ใช้ปลอดภัยและผ่านการรับรอง

  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) – สำหรับสารเคมีที่นำมาใช้ในการกำจัดปลวก

  • สมาคมผู้ประกอบการกำจัดแมลงแห่งประเทศไทย – เป็นตัวชี้วัดว่าบริษัทมีมาตรฐานในการดำเนินงาน

การเลือกบริษัทที่มีใบอนุญาตถูกต้องช่วยให้มั่นใจว่าการให้บริการมีคุณภาพและปลอดภัย

2. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท

ควรเลือกบริษัทที่มีประสบการณ์ในการกำจัดปลวกมาอย่างยาวนาน และมีความเชี่ยวชาญในหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

  • การฉีดพ่นสารเคมี

  • ระบบเหยื่อกำจัดปลวก

  • การป้องกันปลวกในระยะยาว

บริษัทที่มีประสบการณ์มักเข้าใจพฤติกรรมของปลวกและสามารถเลือกวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาได้

วิธีตรวจสอบ:

  • ดูรีวิวจากลูกค้าเก่า

  • ตรวจสอบเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของบริษัท

  • สอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ

3. วิธีการกำจัดปลวกที่ใช้

แต่ละบริษัทอาจใช้วิธีการกำจัดปลวกที่แตกต่างกัน ดังนั้น ควรสอบถามให้แน่ใจว่าใช้วิธีที่เหมาะสมกับบ้านหรืออาคารของคุณ

3.1 การฉีดพ่นสารเคมี (Chemical Treatment)

  • ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก

  • ให้ผลเร็ว แต่ต้องฉีดพ่นซ้ำเป็นระยะ

  • เหมาะสำหรับการกำจัดปลวกที่เริ่มระบาด

3.2 ระบบเหยื่อกำจัดปลวก (Baiting System)

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ให้ผลยั่งยืน

  • ใช้วิธีล่อปลวกให้นำสารพิษกลับไปทำลายรัง

  • เหมาะสำหรับปลวกใต้ดินและอาณานิคมขนาดใหญ่

3.3 การใช้สารป้องกันปลวกในดิน

  • ใช้ในระหว่างการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร

  • ป้องกันปลวกในระยะยาว

ควรสอบถามผู้ให้บริการว่าวิธีที่ใช้เหมาะกับปัญหาของคุณหรือไม่ และมีการรับรองผลหรือไม่

4. ความปลอดภัยของสารเคมีที่ใช้

สารเคมีที่ใช้ในการกำจัดปลวกต้องมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม

สารเคมีที่ควรเลือก

  • Fipronil – ใช้ในระบบเหยื่อและสารเคมีฉีดพ่น มีประสิทธิภาพสูง

  • Imidacloprid – ออกฤทธิ์ช้าแต่สามารถกำจัดปลวกทั้งรังได้

  • Chlorpyrifos – ควรเลือกใช้จากบริษัทที่มีใบรับรอง เพราะอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ

สารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยง

  • สารที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • สารที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาหรือคุณสมบัติได้

ควรสอบถามบริษัทว่าใช้สารเคมีชนิดใด และมีเอกสารรับรองความปลอดภัยหรือไม่

5. การรับประกันผลและบริการหลังการขาย

บริษัทกำจัดปลวกที่ดีควรมีการรับประกันผล เช่น

  • รับประกัน 6 เดือน – 2 ปี หากปลวกกลับมาภายในระยะเวลานี้ บริษัทควรให้บริการซ้ำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

  • บริการตรวจสอบหลังการกำจัด เพื่อให้แน่ใจว่าปลวกหมดไปจริง

ก่อนใช้บริการควรสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับประกันให้ชัดเจน

6. รีวิวจากลูกค้าและชื่อเสียงของบริษัท

รีวิวจากลูกค้าเก่าช่วยให้เห็นภาพรวมของคุณภาพบริการ เช่น

  • การกำจัดปลวกได้ผลจริงหรือไม่

  • การให้บริการมีความเป็นมืออาชีพหรือไม่

  • มีปัญหาหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับบริษัทหรือไม่

สามารถตรวจสอบรีวิวได้จาก

  • เว็บไซต์ของบริษัท

  • โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Google Reviews

  • กระทู้ในเว็บบอร์ด เช่น Pantip

7. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า

ราคาค่าบริการควรสอดคล้องกับคุณภาพและวิธีการที่ใช้

ตัวอย่างค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

วิธีการกำจัดปลวก ราคาโดยประมาณ
การฉีดพ่นสารเคมี 3,000 – 10,000 บาท
ระบบเหยื่อกำจัดปลวก 10,000 – 30,000 บาท
การวางสารป้องกันปลวก 15,000 – 50,000 บาท
การรมควันปลวก 10,000 – 40,000 บาท

วิธีเปรียบเทียบราคาให้คุ้มค่า

  • ขอใบเสนอราคาจากหลายบริษัทเพื่อเปรียบเทียบ

  • ตรวจสอบว่ามีค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือไม่

  • สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแพ็กเกจป้องกันปลวกระยะยาว

สรุป การเลือกบริษัทกำจัดปลวกที่ดีควรพิจารณา 7 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  1. ใบอนุญาตและมาตรฐาน ของบริษัท

  2. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในการกำจัดปลวก

  3. วิธีการกำจัดปลวกที่ใช้ และความเหมาะสม

  4. ความปลอดภัยของสารเคมี ที่ใช้

  5. การรับประกันผลและบริการหลังการขาย

  6. รีวิวและชื่อเสียงของบริษัท

  7. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า

การเลือกบริษัทที่ได้มาตรฐานและมีประสบการณ์จะช่วยให้มั่นใจว่าปลวกถูกกำจัดอย่างมีประสิทธิภาพและไม่กลับมาสร้างปัญหาอีกในอนาคต

5. ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนรับบริการกำจัดปลวก

เมื่อพบปัญหาปลวกในบ้านหรืออาคาร หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ามากำจัดปลวกอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทีมงานกำจัดปลวกจะมาปฏิบัติงาน เจ้าของบ้านควรมีการเตรียมตัวที่เหมาะสมเพื่อให้กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

1. สำรวจพื้นที่ที่พบปลวกและแจ้งข้อมูลให้ชัดเจน

ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาดำเนินการ เจ้าของบ้านควรตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาปลวกที่พบ เพื่อให้ทีมงานสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

สิ่งที่ควรทำ

  • สังเกตบริเวณที่มีร่องรอยของปลวก เช่น รอยกัดกินไม้ ทางเดินปลวก (Mud Tubes) หรือขี้ปลวก

  • จดบันทึกพื้นที่ที่สงสัยว่ามีปลวก เช่น ใต้พื้นบ้าน ขอบประตู วงกบ หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง

  • แจ้งข้อมูลให้ผู้ให้บริการทราบล่วงหน้า เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถวางแผนการกำจัดปลวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. เคลื่อนย้ายสิ่งของในบริเวณที่ต้องกำจัดปลวก

เมื่อถึงวันนัดหมาย ทีมงานจำเป็นต้องเข้าถึงจุดที่พบปลวกได้สะดวก หากมีสิ่งของกีดขวาง อาจทำให้การกำจัดปลวกมีประสิทธิภาพลดลง

สิ่งที่ควรทำ

  • เคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ที่อยู่ใกล้บริเวณที่พบปลวก เพื่อให้ทีมงานสามารถฉีดพ่นสารเคมีหรือวางเหยื่อได้สะดวก

  • หากเป็นพื้นที่ใต้ถุนบ้าน ควรจัดเก็บสิ่งของที่อาจโดนสารเคมีหรือได้รับผลกระทบจากการทำงาน

  • หากมีตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางของติดผนัง ควรเคลื่อนย้ายหรือเว้นระยะห่างเพื่อให้ทีมงานสามารถตรวจสอบและดำเนินการได้ง่ายขึ้น

3. ปิดและป้องกันอาหารหรือสิ่งของที่อาจปนเปื้อนสารเคมี

ในกรณีที่ต้องใช้สารเคมีในการกำจัดปลวก ควรเตรียมการป้องกันสิ่งของที่อาจได้รับผลกระทบ

สิ่งที่ควรทำ

  • เก็บอาหารและเครื่องดื่มในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมี

  • ห่อหรือปิดเครื่องใช้ในครัว เช่น จาน ชาม หม้อ และภาชนะอื่นๆ

  • หากมีสัตว์เลี้ยง ควรย้ายออกจากพื้นที่ที่ต้องฉีดพ่นสารเคมี

4. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือระบบระบายอากาศบางส่วน

การฉีดพ่นสารเคมีหรือรมควันอาจได้รับผลกระทบจากกระแสลมหรือระบบระบายอากาศ

สิ่งที่ควรทำ

  • ปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศในพื้นที่ที่ต้องกำจัดปลวก

  • หากใช้ระบบรมควัน อาจต้องปิดเครื่องฟอกอากาศและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีลมโกรกแรงเกินไปในพื้นที่ปฏิบัติงาน

5. เตรียมตัวออกจากพื้นที่ในช่วงที่มีการกำจัดปลวก

ในบางกรณี โดยเฉพาะการใช้สารเคมีเข้มข้นหรือการรมควัน อาจจำเป็นต้องออกจากบ้านชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

สิ่งที่ควรทำ

  • หากเป็นการฉีดพ่นสารเคมีแบบทั่วไป สามารถกลับเข้าพื้นที่ได้หลังจากสารเคมีแห้งและระเหยไปแล้ว

  • หากเป็นการรมควัน อาจต้องออกจากบ้านเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงหรือข้ามคืน ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการล่วงหน้า

6. เตรียมพื้นที่สำหรับทีมงานกำจัดปลวก

เพื่อให้ทีมงานสามารถปฏิบัติงานได้สะดวก เจ้าของบ้านควรจัดเตรียมพื้นที่ให้พร้อม

สิ่งที่ควรทำ

  • เปิดประตูหรือหน้าต่างบางส่วนหากจำเป็น (ขึ้นอยู่กับประเภทของสารที่ใช้)

  • แจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหรืออาคารทราบ เพื่อให้การเข้าถึงเป็นไปอย่างราบรื่น

  • หากจำเป็นต้องขุดดินหรือเจาะพื้น ควรแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสม

7. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนหลังการกำจัดปลวก

การกำจัดปลวกไม่ใช่กระบวนการที่จบลงทันทีหลังจากฉีดพ่นสารเคมีหรือวางเหยื่อ การดูแลต่อเนื่องมีความสำคัญเพื่อป้องกันปลวกกลับมาอีก

สิ่งที่ควรทำหลังการกำจัดปลวก

  • หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการฉีดพ่นสารเคมีเป็นเวลาหลายวัน เพื่อให้สารออกฤทธิ์ได้เต็มที่

  • หากเป็นการใช้ระบบเหยื่อ อาจต้องรอเวลาหลายสัปดาห์เพื่อให้ปลวกนำเหยื่อกลับไปที่รัง

  • ควรสอบถามบริษัทกำจัดปลวกเกี่ยวกับระยะเวลาการตรวจสอบซ้ำและการบำรุงรักษาเพิ่มเติม

สรุป การเตรียมตัวก่อนรับบริการกำจัดปลวกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเจ้าของบ้านควรตรวจสอบพื้นที่ที่มีปัญหา เคลื่อนย้ายสิ่งของที่อาจกีดขวาง ป้องกันอาหารและสิ่งของจากสารเคมี และเตรียมพื้นที่ให้ทีมงานทำงานได้สะดวก

6. หลังจากกำจัดปลวกแล้วต้องทำอย่างไร

หลังจากกำจัดปลวกเรียบร้อยแล้ว หลายคนอาจคิดว่าปัญหาจบสิ้น แต่ในความเป็นจริง ปลวกสามารถกลับมาได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

เพื่อให้มั่นใจว่าปลวกจะไม่กลับมาอีก การดูแลรักษาหลังการกำจัดเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนที่ควรปฏิบัติหลังจากการกำจัดปลวกเพื่อป้องกันการกลับมาของปลวกและรักษาสภาพบ้านให้อยู่ในสภาพที่ปลวกไม่สามารถเข้ามาทำลายได้

1. ตรวจสอบบ้านและโครงสร้างอย่างละเอียด

แม้ว่าจะกำจัดปลวกหมดไปแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจยังคงอยู่ เจ้าของบ้านควรตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างบ้านและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อดูว่ามีจุดใดที่ต้องซ่อมแซมบ้าง

  • ตรวจสอบเสา คาน และพื้นไม้ ว่ามีร่องรอยถูกกัดกินหรือไม่

  • ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกชิ้น โดยเฉพาะบริเวณที่เคยพบปลวก

  • หากพบความเสียหายร้ายแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างเพื่อทำการซ่อมแซม

2. ทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

พื้นที่ที่มีปลวกอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้อาจมีเศษซากของปลวก มูลปลวก และเศษไม้ที่ถูกทำลาย การทำความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความชื้นและกำจัดแหล่งอาหารที่อาจดึงดูดปลวกใหม่เข้ามา

  • กำจัดเศษไม้ที่ถูกปลวกกัดกิน

  • เช็ดทำความสะอาดบริเวณที่เคยมีปลวกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

  • ดูดฝุ่นบริเวณรอยแตกและรอยแยกเพื่อลดความชื้นและคราบสกปรก

3. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านเพื่อลดความเสี่ยงของปลวก

3.1 ลดความชื้นในบ้าน

ปลวกต้องการความชื้นในการดำรงชีวิต ดังนั้นการลดความชื้นจะช่วยป้องกันปลวกกลับมาได้

  • ซ่อมแซมรอยรั่วของท่อน้ำหรือก๊อกน้ำ

  • ตรวจสอบระบบระบายน้ำรอบบ้านให้ทำงานได้ดี

  • เปิดหน้าต่างและใช้พัดลมหรือเครื่องลดความชื้นในบริเวณที่อับชื้น

3.2 จัดเก็บไม้และวัสดุเซลลูโลสให้เหมาะสม

ปลวกกินไม้ กระดาษ และวัสดุที่มีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นควรจัดเก็บวัสดุเหล่านี้ให้เหมาะสม

  • หลีกเลี่ยงการวางไม้หรือกระดาษไว้ติดพื้นหรือกำแพง

  • จัดเก็บเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ห่างจากผนังและพื้นดิน

  • หากมีเศษไม้ในสวน ควรเก็บให้ห่างจากตัวบ้าน

3.3 อุดรอยแตกและรอยแยกที่ปลวกอาจใช้เป็นทางเข้า

ปลวกสามารถเข้าสู่บ้านผ่านรอยแตกหรือช่องว่างในพื้นและผนัง ดังนั้นควรปิดช่องเหล่านี้ให้เรียบร้อย

  • ใช้ซิลิโคนหรือซีเมนต์อุดรอยแตกที่พื้นและกำแพง

  • ติดตั้งตาข่ายป้องกันปลวกที่ช่องระบายอากาศ

  • ซ่อมแซมรอยแตกร้าวของไม้หรือพื้นปาร์เกต์

4. ใช้มาตรการป้องกันปลวกในระยะยาว

4.1 ฉีดพ่นสารป้องกันปลวกเป็นระยะ

แม้ว่าจะกำจัดปลวกไปแล้ว แต่การฉีดพ่นสารป้องกันปลวกเป็นระยะจะช่วยป้องกันการกลับมาของปลวกได้

  • ใช้สารป้องกันปลวกเคลือบพื้นและผนัง

  • ฉีดพ่นสารป้องกันปลวกในบริเวณรอบๆ บ้าน

  • ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ป้องกันปลวกที่มีประสิทธิภาพ

4.2 ติดตั้งระบบเหยื่อกำจัดปลวก

ระบบเหยื่อกำจัดปลวกเป็นวิธีป้องกันปลวกที่มีประสิทธิภาพ โดยการวางเหยื่อล่อไว้ในบริเวณรอบๆ บ้านเพื่อดึงดูดปลวกและกำจัดพวกมันก่อนที่จะเข้ามาภายในอาคาร

  • ตรวจสอบจุดวางเหยื่อเป็นระยะ

  • เปลี่ยนเหยื่อใหม่ตามคำแนะนำของบริษัทกำจัดปลวก

  • ใช้ระบบเหยื่อร่วมกับการฉีดพ่นสารป้องกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

4.3 ใช้ไม้หรือวัสดุก่อสร้างที่ป้องกันปลวก

หากมีการซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้าน ควรเลือกใช้วัสดุที่ปลวกไม่สามารถทำลายได้ง่าย เช่น

  • ไม้อัดที่ผ่านการอบสารป้องกันปลวก

  • ไม้เนื้อแข็งที่ปลวกไม่ชอบกิน

  • คอนกรีตหรืออิฐแทนไม้ในบางจุด

5. ตรวจสอบบ้านอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันปลวกกลับมา

5.1 ตรวจสอบร่องรอยของปลวกทุก 3-6 เดือน

การตรวจสอบบ้านอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถระบุปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ปลวกจะแพร่กระจาย

  • มองหารอยทางเดินของปลวกหรือจุดที่ไม้ถูกกัดกิน

  • ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์และผนังไม้เป็นระยะ

  • ใช้ไฟฉายส่องตรวจบริเวณซอกมุมที่อับแสง

5.2 เรียกผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเป็นประจำ

หากต้องการความมั่นใจ ควรใช้บริการตรวจสอบปลวกจากบริษัทผู้เชี่ยวชาญปีละ 1-2 ครั้ง

  • ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้เครื่องมือตรวจจับปลวกที่ซ่อนอยู่ เช่น เครื่องตรวจจับความร้อน

  • บางบริษัทมีบริการตรวจสอบฟรีหรือให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการป้องกันปลวก

สรุป การกำจัดปลวกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการดูแลบ้านให้ปลอดภัยจากปลวกในระยะยาว หลังจากกำจัดปลวกแล้ว ควรตรวจสอบโครงสร้างบ้าน ซ่อมแซมความเสียหาย ทำความสะอาด และใช้มาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การลดความชื้น การอุดรอยแตกร้าว และการฉีดพ่นสารป้องกันปลวก

บทสรุป

การกำจัดปลวกเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษเพราะปลวกสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับบ้าน หากเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมาตรฐานที่ดี ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนเลือกบริษัทกำจัดปลวก ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกำจัด ค่าใช้จ่าย และเงื่อนไขการให้บริการอย่างละเอียด รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำหลังจากกำจัดปลวกเพื่อป้องกันการกลับมาของปลวกในอนาคต