ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลก้าวหน้ารวดเร็ว การทำธุรกิจออนไลน์กลายเป็นทางเลือกที่หลายๆ ธุรกิจหันมาใช้เพื่อขยายตลาดและเพิ่มโอกาสในการเติบโต แต่การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการขายสินค้าหรือบริการนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากมีทางเลือกมากมายให้พิจารณา โดยหนึ่งในคำถามที่ธุรกิจหลายแห่งมักเจอคือ ควรขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเองหรือควรใช้แพลตฟอร์ม Marketplace เช่น Shopee หรือ Lazada?
ทั้งสองทางเลือกนี้ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่ธุรกิจต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะทั้ง E-commerce และ Marketplace ต่างก็มีรูปแบบการดำเนินงานและผลกระทบที่แตกต่างกันไป ทั้งในแง่ของการเข้าถึงลูกค้า การสร้างแบรนด์ และการบริหารจัดการธุรกิจในระยะยาว
ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการขายสินค้าผ่านทั้งสองแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้ว่า แพลตฟอร์มไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขยายตลาดและบรรลุเป้าหมายในระยะยาว
1. E-commerce: ขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง
การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเองหมายถึงการที่ธุรกิจสร้างและบริหารเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อจำหน่ายสินค้าหรือบริการ โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Marketplace อื่น ๆ เช่น Shopee หรือ Lazada ในการดำเนินการขาย ซึ่งในปัจจุบันหลายธุรกิจเริ่มหันมาสร้างเว็บไซต์ E-commerce เพื่อควบคุมกระบวนการขายและเพิ่มประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับลูกค้า
E-commerce (Electronic Commerce): คือการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งหมายถึงการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมีการพบปะกันแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การเลือกสินค้า การชำระเงิน การจัดส่งสินค้า หรือการให้บริการหลังการขาย จะถูกดำเนินการผ่านระบบออนไลน์
E-commerce ครอบคลุมหลายรูปแบบการทำธุรกิจ ได้แก่
- Business to Consumer (B2C): คือการขายสินค้าหรือบริการจากธุรกิจไปยังผู้บริโภค เช่น การซื้อสินค้าในร้านค้าออนไลน์ เช่น Amazon หรือ Lazada
- Business to Business (B2B): คือการขายสินค้าหรือบริการจากธุรกิจหนึ่งไปยังอีกธุรกิจหนึ่ง เช่น การขายวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ให้กับโรงงาน
- Consumer to Consumer (C2C): คือการขายสินค้าหรือบริการระหว่างผู้บริโภคด้วยกันเอง เช่น การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ที่เป็นตลาดออนไลน์ เช่น eBay หรือ Facebook Marketplace
- Consumer to Business (C2B): คือการที่ผู้บริโภคขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจ เช่น การขายภาพถ่ายหรือเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มที่ธุรกิจต้องการใช้
ข้อดีของการขายผ่านเว็บไซต์ E-commerce
-
การควบคุมเต็มรูปแบบ: ธุรกิจสามารถควบคุมทุกด้านของเว็บไซต์ได้ ตั้งแต่การออกแบบหน้าเว็บ การจัดวางสินค้า การตั้งราคาจนถึงการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX/UI) ซึ่งจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์และประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง
-
สร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือ: การมีเว็บไซต์ของตัวเองช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ลูกค้าจะรู้จักธุรกิจของคุณมากขึ้นผ่านเว็บไซต์ที่มีดีไซน์สวยงามและใช้งานง่าย ทั้งยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ เช่น บทความ หรือโปรโมชั่นพิเศษที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
-
การเก็บข้อมูลลูกค้าผู้ซื้อ: เมื่อขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าที่ลงทะเบียนหรือทำการซื้อสินค้าได้อย่างละเอียด เช่น ประวัติการซื้อสินค้า พฤติกรรมการค้นหาสินค้า และข้อมูลการติดต่อ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ต้นทุนการขายต่ำ: หากธุรกิจสามารถจัดการการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนการขายได้มาก เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมให้กับแพลตฟอร์ม Marketplace ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถเก็บกำไรจากการขายได้มากขึ้น
ข้อเสียของการขายผ่านเว็บไซต์ E-commerce
-
การสร้างการเข้าถึงลูกค้าที่ท้าทาย: การเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตัวเองอาจจะทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดลูกค้าคนใหม่ เนื่องจากไม่เหมือนกับ Marketplace ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ธุรกิจจะต้องลงทุนในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เช่น SEO (Search Engine Optimization), การทำโฆษณาออนไลน์ (Google Ads, Facebook Ads), หรือการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์
-
ต้นทุนในการพัฒนาและบำรุงรักษาเว็บไซต์: การสร้างเว็บไซต์ที่มีความสามารถในการรองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น ระบบการชำระเงิน, ระบบการจัดการสินค้า, การรักษาความปลอดภัย และการดูแลประสิทธิภาพของเว็บไซต์จำเป็นต้องลงทุนทั้งในด้านการพัฒนาและการบำรุงรักษา ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงในช่วงแรก
-
การจัดการกับความเสี่ยงในการดำเนินการ: เมื่อขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง ธุรกิจต้องรับผิดชอบในหลายด้าน เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง, การขนส่ง, การดูแลลูกค้า รวมถึงการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การคืนสินค้า หรือปัญหาจากการชำระเงิน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและเป็นระเบียบ
-
ความยากในการแข่งขัน: แม้ว่าเว็บไซต์ของตัวเองจะช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมการขายได้ แต่ก็มีความยากในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นที่อาจมีเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือหรือมีโปรโมชั่นที่ดีกว่า การสร้างฐานลูกค้าและการคงไว้ซึ่งความพึงพอใจของลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและต้องใช้เวลา
การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ E-commerce ของตัวเองเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการควบคุมทุกด้านของการขายและสร้างแบรนด์ที่มีความชัดเจนในตลาด แม้จะมีความท้าทายในการดึงดูดลูกค้าใหม่และการลงทุนที่สูงในช่วงแรก แต่หากธุรกิจสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเองจะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและลดต้นทุนจากค่าคอมมิชชั่นของแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้
2. Marketplace: การขายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shopee หรือ Lazada
Marketplace หรือ ตลาดออนไลน์ คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวบรวมผู้ขายหลายๆ รายมาอยู่ในที่เดียวกันเพื่อทำการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ตัวอย่างของ Marketplace ที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ Shopee, Lazada, Amazon, eBay เป็นต้น
Marketplace จะให้บริการต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ เช่น ระบบการชำระเงินออนไลน์, ระบบการจัดส่ง, การจัดการคำสั่งซื้อ, การสร้างโปรโมชัน และการให้บริการลูกค้า โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้จะเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการขายสินค้าเป็นรายได้จากการให้บริการ
ธุรกิจที่ขายสินค้าผ่าน Marketplace จะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างโดยไม่ต้องลงทุนในระบบการขายหรือการโปรโมทที่ซับซ้อน แต่ก็ต้องแบ่งปันรายได้ให้กับแพลตฟอร์มและอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงจากผู้ขายรายอื่นๆ ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน
ข้อดีของการขายผ่าน Marketplace:
-
การเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก: Marketplace เช่น Shopee หรือ Lazada มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลที่ใช้งานอยู่แล้ว ผู้ขายไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและงบประมาณในการสร้างฐานลูกค้าจากศูนย์ แต่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มได้ทันที การทำให้สินค้าของธุรกิจได้รับการมองเห็นจากกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายอย่างมีประสิทธิภาพ
-
การจัดการที่ง่ายและสะดวก: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะมีระบบที่พร้อมใช้งาน ซึ่งรวมถึงระบบการชำระเงินออนไลน์, ระบบการจัดส่ง, และบริการลูกค้า ที่ช่วยลดภาระงานด้านการจัดการและสร้างประสบการณ์การซื้อที่สะดวกสบายให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้การขายและการบริการลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น ระบบติดตามสถานะคำสั่งซื้อและการประสานงานกับผู้ขนส่ง
-
การโฆษณาและโปรโมชั่น: แพลตฟอร์ม Marketplace มักจะมีเครื่องมือโฆษณาและโปรโมชั่นในตัว เช่น การโปรโมทสินค้าผ่านแบนเนอร์, การสร้างคูปองส่วนลด, หรือการทำ Flash Sale ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้ง่ายขึ้น
-
ลดความเสี่ยงในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์: สำหรับธุรกิจใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงหรือฐานลูกค้าของตัวเอง การเลือกขายผ่าน Marketplace เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น เพราะจะช่วยให้สามารถขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยไม่ต้องมีความกังวลเรื่องการลงทุนในระบบต่างๆ หรือการสร้างเว็บไซต์ที่มีต้นทุนสูง
ข้อเสียของการขายผ่าน Marketplace:
-
การแข่งขันที่สูง: เนื่องจากมีผู้ขายจำนวนมากใน Marketplace เดียวกัน การแข่งขันในการดึงดูดลูกค้าจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ธุรกิจต้องพยายามสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เช่น การตั้งราคาให้แข่งขันได้ การใช้โปรโมชั่น หรือการมีบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมเพื่อดึงดูดลูกค้า
-
ค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียม: Marketplace ส่วนใหญ่จะมีการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้กำไรที่ธุรกิจได้รับน้อยลงเมื่อเทียบกับการขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง นอกจากนี้บางแพลตฟอร์มยังมีค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณาหรือโปรโมทสินค้า ซึ่งธุรกิจต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายเหล่านี้เมื่อทำการตั้งราคา
-
ข้อจำกัดในการควบคุม: เมื่อธุรกิจเลือกขายผ่าน Marketplace การควบคุมประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าอาจมีข้อจำกัด เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีกฎและข้อบังคับที่ผู้ขายต้องปฏิบัติตาม เช่น การออกแบบหน้าร้านหรือการตั้งราคาสินค้า ซึ่งแตกต่างจากการขายผ่านเว็บไซต์ E-commerce ที่ธุรกิจสามารถควบคุมทุกอย่างได้เอง
-
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม: การพึ่งพา Marketplace ในการขายสินค้าหมายความว่า ธุรกิจจะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงนโยบายของแพลตฟอร์มที่อาจส่งผลกระทบต่อการขายของธุรกิจ เช่น การปรับค่าธรรมเนียม, การเปลี่ยนแปลงในระบบการโฆษณา หรือการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดต่างๆ ที่อาจไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจ
การขายผ่าน Marketplace เช่น Shopee หรือ Lazada เป็นทางเลือกที่สะดวกและเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการควบคุมและการแข่งขันที่สูง ธุรกิจควรพิจารณาความต้องการของตัวเอง รวมทั้งการเตรียมกลยุทธ์ในการขายที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถทำกำไรได้สูงสุดจากการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้
บทสรุป
การเลือกใช้ E-commerce หรือ Marketplace ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของธุรกิจ ในกรณีที่ธุรกิจต้องการการควบคุมเต็มรูปแบบและการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน การเลือกขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเองอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ในทางกลับกัน หากธุรกิจต้องการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างและเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว การขายผ่าน Marketplace อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า