สร้าง Sitemap ที่ดีต่อ SEO: วิธีทำอย่างง่าย

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเลือกคีย์เวิร์ดหรือการเขียนบทความที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างของเว็บไซต์ด้วย หนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยให้เว็บไซต์มีโครงสร้างชัดเจนและสามารถถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นโดยเครื่องมือค้นหาคือ “Sitemap” หรือแผนผังเว็บไซต์ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดถึงความสำคัญของ Sitemap และวิธีสร้าง Sitemap ที่ดีต่อ SEO แบบง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง

Sitemap คืออะไร

Sitemap คือไฟล์ที่แสดงโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งประกอบไปด้วยลิงก์หรือ URL ของหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google สามารถเข้าใจและสำรวจเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เว็บไซต์ที่มี Sitemap จะถูก index ได้ดีขึ้น และช่วยให้เนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับในการค้นหาที่รวดเร็วและถูกต้อง

โดยทั่วไปแล้ว Sitemap จะมีอยู่ในรูปแบบ XML ซึ่งเครื่องมือค้นหาอ่านได้ง่าย แต่บางครั้งเว็บไซต์ก็อาจใช้ HTML Sitemap สำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์ของ Sitemap ต่อ SEO

Sitemap ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการทำ SEO เพราะไม่เพียงแค่ช่วยในการจัดระเบียบเนื้อหาให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น แต่ยังมีผลโดยตรงต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา ต่อไปนี้คือประโยชน์หลักๆ ของ Sitemap ต่อ SEO ที่ควรทำความเข้าใจ:

  1. ช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้จักเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
    การใช้ Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น เว็บไซต์ที่มีหลายร้อยหรือหลายพันหน้า การมี Sitemap ช่วยให้ Google หรือเครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาหน้าต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  2. ช่วยเพิ่มอัตราการเก็บข้อมูลหน้าใหม่
    หากคุณอัปเดตหรือเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ บนเว็บไซต์ การมี Sitemap ที่ส่งไปยังเครื่องมือค้นหาจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเนื้อหามีการเปลี่ยนแปลงและต้องการการเก็บข้อมูลใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้หน้าใหม่สามารถถูกจัดอันดับได้เร็วขึ้น

  3. ทำให้การจัดอันดับหน้าเว็บสำคัญมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    Sitemap ช่วยให้คุณสามารถกำหนดลำดับความสำคัญของหน้าเว็บได้ โดยเครื่องมือค้นหาจะเข้าใจว่าเพจใดมีความสำคัญมากกว่าหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของการจัดอันดับในผลการค้นหา

  4. ช่วยให้เว็บไซต์ที่มีหน้าเว็บน้อยหรือมีโครงสร้างแปลกใหม่ถูกเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น
    หากเว็บไซต์ของคุณมีหน้าเว็บน้อย หรือใช้เนื้อหาที่มีโครงสร้างไม่คุ้นเคย Sitemap จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้อย่างไม่พลาด โดยเฉพาะในกรณีที่มีการใช้ JavaScript หรือการโหลดเนื้อหาผ่านการเรียกดู (AJAX) ซึ่งบางครั้งเครื่องมือค้นหาอาจไม่สามารถเก็บข้อมูลได้เต็มที่

  5. รองรับการใช้งานในเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
    ในเว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือเว็บไซต์ข่าวสาร Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเมื่อไหร่ที่มีการเพิ่มหรืออัปเดตเนื้อหาใหม่ การแจ้งข้อมูลนี้จะทำให้เว็บไซต์ถูก index ใหม่บ่อยขึ้นและช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา

  6. ลดความเสี่ยงในการพลาดหน้าเว็บสำคัญ
    หากเว็บไซต์ของคุณมีลิงก์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หรือไม่สามารถติดตามได้จากการทำ internal linking การใช้ Sitemap ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครื่องมือค้นหาจะไม่พลาดหน้าเว็บที่สำคัญ เพราะ Sitemap จะบอกทุกหน้าในเว็บไซต์ที่ควรจะถูกเก็บข้อมูล

  7. ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์
    การมี Sitemap ที่ชัดเจนและเป็นระเบียบทำให้การตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดีขึ้นทั้งในด้านการค้นหาของเครื่องมือค้นหาและประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

โดยสรุปแล้ว Sitemap เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในหลายๆ ด้านของ SEO การสร้าง Sitemap ที่มีคุณภาพและการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยในการปรับปรุงการเก็บข้อมูลจากเครื่องมือค้นหา แต่ยังทำให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบและรองรับการขยายตัวได้ในอนาคต

 

ประเภทของ Sitemap

Sitemap เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำ SEO เนื่องจากช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ดีขึ้นและสามารถค้นหาหน้าเว็บไซต์ที่สำคัญได้ง่ายขึ้น โดย Sitemap มีหลายประเภทที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน นี่คือประเภทหลักๆ ของ Sitemap ที่ควรรู้จัก:

1. XML Sitemap

XML Sitemap เป็นประเภทที่ใช้สำหรับเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing, และ Yahoo เพื่อให้เครื่องมือเหล่านี้สามารถรู้จักและจัดอันดับหน้าของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น โดย XML Sitemap จะแสดงรายการ URL ทั้งหมดของเว็บไซต์ พร้อมกับข้อมูลเสริม เช่น ความสำคัญของหน้า (priority), ความถี่ในการอัปเดต (change frequency) และเวลาอัปเดตล่าสุด (last modified) เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า เนื้อหาที่อัปเดตบ่อย หรือเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการให้ Google รู้จักทุกหน้า

ข้อดี:

    • ช่วยให้การจัดอันดับในเครื่องมือค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น

    • สามารถกำหนดลำดับความสำคัญของหน้าเว็บได้

    • เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า

2. HTML Sitemap

HTML Sitemap เป็น Sitemap ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ ไม่ใช่เครื่องมือค้นหา โดยจะเป็นหน้าเว็บที่รวบรวมลิงก์ของทุกๆ หน้าภายในเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาหน้าเว็บที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหรือบริการหลากหลายสามารถใช้ HTML Sitemap เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาผลลัพธ์ได้ง่ายขึ้น

ข้อดี:

    • เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้โดยการช่วยให้ผู้ใช้หาข้อมูลได้ง่าย

    • ดีสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลายประเภท

    • ช่วยลดอัตราการตีกลับ (bounce rate) โดยการให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้เร็วขึ้น

3. Image Sitemap

Image Sitemap เป็นไฟล์ Sitemap ที่เน้นการจัดการภาพภายในเว็บไซต์ โดยการใช้ Sitemap ประเภทนี้ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถรู้จักและจัดอันดับภาพต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่เน้นการแสดงภาพ เช่น เว็บไซต์ที่ขายสินค้าที่มีภาพประกอบ หรือเว็บไซต์บล็อกที่มีเนื้อหาภาพถ่าย

ข้อดี:

    • ช่วยให้ภาพถูก index ได้ดีขึ้น

    • เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีภาพจำนวนมาก เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือบล็อกที่มีการโพสต์ภาพบ่อยๆ

4. Video Sitemap

Video Sitemap ใช้สำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาวิดีโอ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาวิดีโอ เช่น YouTube, Vimeo หรือเว็บไซต์ที่มีการนำเสนอเนื้อหาผ่านวิดีโอ บางครั้งเครื่องมือค้นหาอาจไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาวิดีโอได้หากไม่มีการบ่งชี้ใน Sitemap การใช้ Video Sitemap ช่วยให้วิดีโอสามารถถูก index และปรากฏในผลการค้นหาของ Google ได้ง่ายขึ้น

ข้อดี:

    • ช่วยให้วิดีโอถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น

    • เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่เน้นการนำเสนอวิดีโอ

5. News Sitemap

News Sitemap เป็น Sitemap ที่ใช้สำหรับเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะเว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์ที่มีการอัปเดตเนื้อหาข่าวสารบ่อยๆ สามารถใช้ News Sitemap เพื่อแจ้งให้เครื่องมือค้นหาทราบถึงเนื้อหาข่าวใหม่ๆ ที่จะถูก index การมี News Sitemap ช่วยให้ข่าวสารของเว็บไซต์ถูกปรากฏใน Google News ได้เร็วขึ้น

ข้อดี:

    • เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ข่าวถูก index และปรากฏในผลการค้นหาของ Google News

    • ช่วยให้ Google รู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นข่าวใหม่ๆ

สรุป การเลือกประเภทของ Sitemap ขึ้นอยู่กับลักษณะและเป้าหมายของเว็บไซต์ หากคุณมีเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาหลายประเภท หรือมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับภาพ วิดีโอ หรือข่าวสาร การใช้ Sitemap ประเภทต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจและจัดอันดับเว็บไซต์ได้ดีขึ้น การใช้ Sitemap ในลักษณะต่างๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO และทำให้เว็บไซต์ของคุณสามารถถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในผลการค้นหา

วิธีสร้าง Sitemap อย่างง่าย

  1. ใช้ปลั๊กอินหรือเครื่องมืออัตโนมัติ

    • สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress สามารถใช้ปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อสร้าง Sitemap โดยอัตโนมัติ

    • สำหรับเว็บไซต์ทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น

  2. ตรวจสอบและจัดโครงสร้างให้เหมาะสม

    • ตรวจสอบว่า Sitemap ของคุณรวมเฉพาะหน้าที่สำคัญ เช่น หน้าผลิตภัณฑ์ บทความ บริการ

    • หลีกเลี่ยงการใส่หน้าที่ซ้ำซ้อนหรือไม่สำคัญ เช่น หน้าล็อกอิน หน้ายืนยันการสั่งซื้อ

  3. ส่ง Sitemap ไปยัง Google Search Console

    • เข้าสู่ Google Search Console

    • เลือกเว็บไซต์ของคุณ แล้วไปที่เมนู “Sitemaps”

    • ใส่ URL ของ Sitemap เช่น https://www.example.com/sitemap.xml แล้วกดส่ง

  4. ดูผลการรวบรวมข้อมูล (Indexing)

    • ตรวจสอบว่า Google สามารถอ่านและรวบรวมข้อมูลจาก Sitemap ได้หรือไม่

    • หากมีข้อผิดพลาด Google จะรายงานใน Search Console ให้คุณปรับแก้

ข้อควรระวัง

  • อย่าสร้าง Sitemap ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (Google แนะนำไม่เกิน 50,000 URLs ต่อไฟล์ หรือขนาดไม่เกิน 50MB)

  • อย่ารวม URL ที่มีปัญหา เช่น ลิงก์เสีย หรือหน้า 404

  • ควรอัปเดต Sitemap เป็นระยะ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบ่อยๆ

สรุป

Sitemap เป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่มีบทบาทสำคัญในการทำ SEO การสร้าง Sitemap ที่ดีช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกค้นเจอได้ง่ายขึ้น มีโครงสร้างที่เป็นมิตรต่อเครื่องมือค้นหา และส่งผลต่ออันดับในการค้นหาอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือใหญ่ การใส่ใจเรื่อง Sitemap ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

รับทำ SEO 300 คำ